วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

บทความที่ 5 : พญาคันคาก

นิทานปรัมปราแห่งต้นกำเนิดแห่งประเพณีงานบุญบั้งไฟของทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นที่นิยมมีขึ้นช่วงฤดูฝนก่อนเข้าสู่การทำนา
ตำนานเรื่องเล่าที่ได้มีการบอกเล่าต่อกันมาจากบรรพบุรุษถึงลูกหลานสู่วรรณคดีที่ควบคู่กับประเพณีงานบุญบั้งไฟกันมาอย่างยาวนาน ของเหล่าชาวอีสานทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นที่นิยมจัดงานในช่วงฤดูฝนก่อนเข้าสู่การทำนา โดยมีเรื่องเล่าหลากหลายเรื่อง แต่ในครั้งนี้ ขอหยิบยกหนึ่งในเรื่องเล่าที่มีการเล่าสู่กันฟังมากที่สุด นั้นคือสงครามกับสู้รบ ระหว่าง พญาคันคาก กับ พระยาแถน จนกลายเป็นต้นกำเนิดประเพณีงานบุญบั้งไฟในปัจจุบันนี้
เรื่องเล่านี้ ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นับเนื่องหลายอสงไขยสมัยที่ สรรพสิ่งมีชีวิตต่างสื่อสารระหว่างกัน ด้วยภาษาเดียวกัน  โดยไม่แบ่งแยกชั้นวรรณะซึ่งเปรียบดั่งเมืองสวรรค์ โดยมี พญาแถน ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ปกครองทั่วหล้า เหล่าสรรพสิ่งทั้งหลายต่างพากันให้ความเคารพยำเกรง   อันเนื่องมาจากเป็นผู้มีฤทธิ์และอำนวยเกิดกาลเวลาแห่งฤดูกาลต่างๆ  โดยทาง พระยาแถนเจ้า ได้เปิดประตูชั้นฟ้า ให้เหล่าพญานาคเจ็ด ไปลงเล่นน้ำสระหลวง เพื่อทำให้กลายเป็นฝนลงมาสร้างความชุ่มเย็น แก่เหล่าสิ่งมีชีวิตในโลกมนุษย์ 
แต่ในขณะนั้น ก็ยังมีเมืองหนึ่งชื่อนครดอกไม้ ซึ่งตั้งอยู่บนโลก พระยาเมือง ผู้ถือสัตย์ เหล่าไพร่ฟ้า อยู่เย็นเป็นสุขรื่นเริงกันทั่วหน้า แม่เมืองให้กำเนิดบุตรชาย ผู้มีลักษณะผิดเพศมนุษย์คันคาก หรือคางคก ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนทั้งหลาย  แต่ถึงกระนั้น หมอโหรได้ทำนายทายทักว่า คันคากน้อยผู้นี้เป็นผู้มีบุญญาธิการยิ่ง จงเลี้ยงดูให้ดีเถิด แต่เมื่อกาลเวลาค่อยๆผ่านหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป หามีผู้ใดรังเกียจเดียดฉันท์ไม่  จนกระทั้งถึงเวลาที่คันคากน้อยผู้นี้ได้ถอดคราบเติบโตกลายเป็นชายหนุ่มผู้มีรูปโฉมงดงาม ถอดคราบคางคกก็กลายเป็นเกราะทองรองกาย ทำให้ดูองอาจสง่างาม มีความสามารถเชิงยุทธพิชัย ฤทธานุภาพเหนือผู้ใด และเป็นที่ยำเกรงแก่เหล่าสัตว์เขี้ยวงาทั้งบกและน้ำกับบรรดาผู้มีเดชกล้าทั้งผอง  รวมทั้งยังทรงบุญญาบารมีด้วยการรักษาสัตย์, ศีล, ทาน จนเป็นที่ยกย่องเคารพบูชาของสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั่วทั้งทีป พระยาเมืองจึงยกให้ท้าวเป็นผู้ครองนครดอกไม้สืบต่อสันตติวงศ์ มนุษย์, สัตว์สิ่ง, หินดินฟ้าและป่าแดดทะเลฝน เมื่อต่างให้ความเคารพยกย่องบูชาต่อพญาคันคากแล้ว ก็ลืมละการกราบไหว้ต่อพระยาแถน
ทำให้พระยาแถนเกิดความน้อยอกน้อยใจ จนกลายเป็นเคืองแค้นโกรธา  แต่ด้วยความเกรงกลัวต่อบุญญาธิการและอิทธิ์ฤทธิ์ของพญาคันคากจะเป็นภัยเป็นแก่ตน จึงคิดอุบายหาทางกลั่นแกล้งด้วยการวางแผนทำให้ฝนไม่ตกมายังโลกมนุษย์ ส่งผลให้เหล่าสรรพสิ่งพากันเดือดร้อนไปทั่วพิภพนานถึง 7 ปี  พญาคันคากไม่ทราบว่าจะหาทางแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร จึงลงไปยังใต้พิภพเพื่อปรึกษากับพญานาค
พญาหลวงนาโค กล่าวกับพระยาคันคากว่า พระยาแถนประทับอยู่ยังปราสาท เมืองยุคันธร ซึ่งเป็นเมืองที่มีแม่น้ำคงคาอันกว้างใหญ่ไพศาล พระยาแถนมีหน้าที่ดูแลรักษาแม่น้ำยุคันธรแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมี ภูเขาสัตบริภัณฑ์ ตั้งอยู่รายล้อม ภูเขาพระสุเมรุถึง ๗ ลูก เมื่อครบกำหนดเวลาบรรดาพญานาคจะลงมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ฝนฟ้าก็จะตกต้องตามฤดูกาล แต่เมื่อพระยาแถนไม่ให้พวกพญานาคมาเล่นน้ำจึงไม่มีฝนตกลงมาในโลกมนุษย์
เมื่อกาลยังคงเป็นอย่างเช่นนี้  จึงทำให้ชาวเมืองของพญาคันคากและสัตว์ใหญ่น้อยต่างพากันอดอยาก แห้งแล้ง และกันดาร   เมืองของพญาคันคากก็เกิดการข้าวยาก หมากแพง  ทำนาทำไร่ก็ไม่ได้ผล   มีการแก่งแย่งจี้ปล้น เกิดมีโจรขโมยแย่งกันกิน และฝูงสัตว์ใหญ่น้อยเมื่อหาอาหารไม่ได้ เหล่าสรรพชีวิตต่างก็พากันมาร้องทุกข์กับพญาคันคากเจ้าผู้ครองนครอินทรปัตกันแทบทั้งนั้น
พญาคันคากจึงเล่าให้บรรดาไพร่ฟ้าและข้าแผ่นดินฟังว่า  พระยาแถนนั้นจับพญานาคผูกไว้ไม่ให้พญานาคมาพ่นน้ำได้  จึงเป็นเหตุไม่ให้ไม่มีละอองน้ำจากพญานาคตกลงมาเป็นฝนยังโลกมนุษย์ พร้อมทั้งได้ปรึกษาหารือกับบรรดาไพร่ฟ้าของพระองค์ว่า  จะต้องทำสงครามกับพระยาแถน  โดยพญาคันคาก ก็วางแผนที่จะขึ้นไปรบกับพระยาแถนบนสวรรค์  โดยให้บรรดาสัตว์ใหญ่น้อยเป็นกำลังทัพไปทำสงครามด้วย ด้วยการให้พวกปลวกช่วยกันก่อจอมปลวกเป็นภูเขาสูงขึ้นไปสู่เมืองสวรรค์ของพระยาแถน และให้บ่าวไพร่กับเสนาช่วยกันสร้างกำแพงขึ้นแล้วต่อบันไดขึ้นไปจนถึงเมืองพระยาแถนบนฟากฟ้าเมืองสวรรค์ 
ต่อมา พญาคันคากนำทัพเหล่าสัตว์ต่างๆขึ้นไปสู้รบพระยาแถน  พอไปถึงเมืองพญาคันคาก กล่าวท้ารบ พระยาแถนก็ได้เตรียมการและแอบซ่อนอาวุธพร้อมกับไพร่พลเทวดาทั้งหลายไว้ทำสงครามเช่นกัน พญาคันคากผู้เปี่ยมฤทธา ทรงรู้ที่ซ่อนแหล่งอาวุธของพระยาแถน  จึงสั่งการให้พวกมด  มอด และปลวก  ไปเจาะไช ชอน ด้ามอาวุธเหล่านั้นให้เสียผุพังให้หมด  ตลอดจนให้ทำให้สนิมกินใบหอก มีด ดาบและหลาวเสียด้วย
ครั้นรุ่งเช้า พอถึงเวลา พระยาแถน สั่งการให้แจกจ่ายอาวุธแก่กองทัพ  ก็ปรากฏว่าอาวุธทั้งหลายเหล่านั้นเกิดการชำรุดทั้งหมด  พระยาแถนจึงต้องเปลี่ยนแผนที่จะรบกับพญาคันคากโดยการใช้เวทมนต์แทน ซึ่งพญาคันคากผู้เก่งกาจ ก็รู้ทัน จึงใช้ให้ กบ เขียด อึ่งอ่าง และจักจั่น คอยส่งเสียงรบกวน การเพ่งสมาธิร่ายเวทมนต์ของพระยาแถน ฝ่ายพระยาแถนจึงเสกให้งูไปกินกบเขียด  อึ่งอ่าง และจักจั่นให้หมด  พญาคันคากเห็นดังนั้นก็เสกให้มีเหยี่ยว และนกรุ้ง(แร้ง)ไปจัดการกินงูของพระยาแถนให้หมด พระยาแถนเสกสุนัขไปกินนกและกินเหยี่ยวของพญาคันคาก พญาคันคากก็เสกเป็นเสือโคร่งไปไล่กินสุนัขของพระยาแถน จนหมด พระยาแถนได้ยิงธนูให้กลายเป็นห่าฝนหอกดาบตกลงมาเสียบผู้คนและสัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก พญาคันคากก็เสกเป็นพญาครุฑกางปีกให้แผ่กว้างเพื่อกำบังห่าฝนหอกดาบ และมีการร่ายเวทมนต์คาถาอาคมให้ผู้คนที่ล้มตายกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง  โดยการสู้รบกันของทั้งคู่เป็นไปอย่างดุเดือด ต่างคนต่างก็มีคาถาอาคมเพื่อต่อสู้กับศัตรู ในศึกครั้งนั้นเรียกว่า มหายุทธ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปยาวนาก็ยังไม่สามารถหาผู้แพ้ชนะกันได้  ต่อมาสัตว์ต่างๆเหล่านี้จึงเป็นศัตรูกันนับตั้งแต่นั้นมา  และทางพระยาแถนก็ได้ชวนพญาคันคากมาทำการชนช้าง(ยุทธหัตถี) เพื่อให้รู้แพ้รู้ชนะกันอีกครั้ง  และในที่สุด พระยาแถนก็เพลี่ยงพล้ำถูกพญาคันคากจับตัวได้  จึงต้องทำสัญญาสงบศึกกัน
โดยที่พระยาแถนจะยอมปล่อยพวกพญานาคให้มาพ่นน้ำเพื่อให้ฝนตกมายังโลกมนุษย์  และหากว่าปีใดพระยาแถนลืมก็ขอให้ชาวโลกมนุษย์ส่งบั้งไฟขึ้นมาเตือนพระยาแถนว่าได้เวลาปล่อยพญานาคให้เล่นน้ำในสระบนสวรรค์เพื่อให้ละอองน้ำตกลงมาเป็นฝนบนโลกมนุษย์ได้แล้ว  และเมื่อรู้ว่าฝนตกและปริมาณน้ำนั้นเพียงพอแล้วก็ให้กบ เขียด อึ่งอ่าง คางคก ฯลฯ ร้องระงมเป็นสัญญาณให้รับรู้และหยุดทำการให้ฝนตกได้แล้ว
หลังจากนั้น  งานประเพณีบุญบั้งไฟ เพื่อเป็นสัญญาว่าเมื่อปีใดที่ฝนตกล่าช้าไม่ตรงตามฤดูกาล ชาวอีสาน และชาวลาวตลอดจนชาวเขมรก็จะทำบั้งไฟ จุดขึ้นไปบอกข่าวแก่พระยาแถนเพื่อให้ส่งน้ำฝนลงมาให้แก่ชาวโลกมนุษย์ และให้ตกลงมาตรงตามฤดูกาล จนกระทั้งสืบทอดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

การเดินทางด้วยรถส่วนตัว

จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 2 เส้นทางด้วยกัน คือ
1. จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงจังหวัดสระบุรี แยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา อำเภอพิมาย จนถึงอำเภอบ้านไผ่ แล้วแยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 23 ผ่านอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเสลภูมิ จนถึงจังหวัดยโสธร
2. จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงจังหวัดสระบุรี แยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) จนถึงจังหวัดนครราชสีมา เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 207 ที่บ้านวัด ไปจนถึงอำเภอประทาย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 202 ผ่านอำเภอพุทไธสง อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอสุวรรณภูมิ ไปจนถึงจังหวัดยโสธร

การเดินทางด้วยรถทัวร์

จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีรถเที่ยวเวลา 20:20-21:15 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชม. ค่าโดยสารประมาณ 400-650 บาท

พิกัด

15°47’30.4″N 104°09’15.4″E หรือ 15.791763, 104.154271


บทความที่ 4 : การเย็บเครื่องเกาะเกี่ยว

 การเย็บเครื่องเกาะเกี่ยว 

เครื่องเกาะเกี่ยว
เป็นวัสดุที่ใช้ยึดเสื้อผ้าให้ติดกันโดยสามารถเปิดและปิด  เพื่อการถอดออกหรือสวมใส่ได้สะดวก  มีหลายชนิด  ซึ่งแต่ละชนิดมีวิธีติดและการใช้งานต่างกัน  เครื่องเกาะเกี่ยวสามารถใช้บังคับรูปร่างของเสื้อผ้า  และใช้เป็นสิ่งตกแต่งเสื้อผ้าได้  เช่น  การติดกระดุมที่มีรูปร่างลวดลายแปลก ๆ การใช้รังดุมเจาะหรือกุ๊นที่สวยงามประณีต สามารถทำให้เสื้อผ้าดูมีราคาขึ้นได้ เครื่องเกาะเกี่ยวที่ใช้กันทั่วไป  ได้แก่  กระดุม  ตะขอ  และซิป
กระดุม
กระดุมเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวชนิดหนึ่ง  เพื่อบังคับไม่ให้รอยผ่าหรือรอยเปิดทับซ้อนกันโดยไม่แยกกระดุมที่ติดผ้าหรือสาบชิ้นล่าง  ในขณะที่ผ้าหรือสาบชิ้นบนต้องเจาะช่องเพื่อให้กระดุมลอดผ่านได้  ช่องที่เจาะนี้เรียกว่ารังดุม กระดุมมีหลายแบบหลายชนิด  แต่ที่นิยมใช้กับเสื้อผ้าโดยทั่วไป  ได้แก่
1.  กระดุมแป๊บ  ทำด้วยโลหะ  มีลักษณะต่างไปจากกระดุมธรรมดา  คือ  ประกอบด้วย ฝาบนซึ่งมีปุ่มนูนตรงกลาง  และตัวรับซึ่งตรงกลางเป็นแอ่ง  ต้องใช้คู่กันทำให้ประกอบกันสนิท  กระดุมแป๊บเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวที่ใช้ติดกับระยะเปิดสั้น ๆ ไม่เหมาะที่จะใช้กับสาบเปิดของเสื้อผ้ายาว ๆ ส่วนเปิดของเสื้อผ้าที่ควรใช้กระดุมแป๊บ  เช่น  ติดที่มุมตอนบนและตอนล่างของสาบเสื้อ  ติดระหว่างรังดุมถักหรือรังดุมเจาะตามขวางที่มีระยะห่าง  ติดสาบเปิดข้อมือเสื้อสตรีแขนยาวหรือติดปกเสื้อที่ถอดได้
                                          
                                                                            กระดุมแป๊บ
การติดกระดุมแป๊บ  ควรทำตามขั้นตอนดังนี้
                                                      
การวางกระดุมฝาบน(ตัวผู้)ตรงตำแหน่งที่กำหนด  เย็บแบบพันเรียงเส้นด้ายหรือแบบคัทเวิร์ค  รูละ  3  ครั้ง  จนครบทั้ง  4  รู
                                                     
วางกระดุมฝาล่าง(ตัวเมีย)ตรงตำแหน่งที่กำหนด  เย็บแบบพันเรียงเส้นด้ายหรือแบบคัทเวิร์ค รูละ  3  ครั้ง  จนครบทั้ง  4  รู
                                                     
                                การเย็บกระดุมแป๊บ
การนำไปใช้  กระดุมแป๊บใช้กับเสื้อสตรีสำหรับยึดสาบเสื้อ  หรือขอบแขน
2.  กระดุมไม่มีก้าน  คือ  กระดุมมีรู  มีลักษณะเป็นรูปกลม  อาจมี  2  รู  หรือ  4  รู  ปรากฏให้เห็นบนเม็ดกระดุม  เป็นส่วนที่ใช้เย็บติดกับเสื้อผ้า มักใช้กับเสื้อผู้ชาย  เช่น  เสื้อเชิ้ต  เสื้อยืด  กระดุมชนิดนี้เย็บแล้วจะมองเห็นเส้นด้ายที่เย็บ
                                                      
                      กระดุมไม่มีก้าน
การติดกระดุม  2  รู  ควรทำตามขั้นตอนดังนี้
                                                                                                             
วางกระดุมตรงตำแหน่งที่ต้องการเย็บ  ใช้ด้าย  2  ทบ  เพื่อให้กระดุมแน่นหนาไม่หลุดง่าย
                                         

                        แทงเข็มขึ้นรูหนึ่งและแทงลงอีกรูหนึ่ง  ทำซ้ำประมาณ  3  ครั้ง
      
ใช้เส้นด้ายพันด้านล่างเม็ดกระดุม  3 ครั้ง
                                                      
                                     แทงเข็มใกล้เส้นด้ายลงใต้ผ้า

                              
                                  การเย็บซ่อนปม  3  ครั้ง  ตัดด้ายออก
การนำไปใช้  กระดุม  2  รู  นิยมใช้กับเสื้อผู้ชาย  เช่น  เสื้อเชิ้ต  เสื้อยืด
การติดกระดุม  4  รู  ควรทำตามขั้นตอนดังนี้
                                                         

                 วางกระดุมตรงตำแหน่งที่ต้องการเย็บ  ใช้ด้าย  2  ทบ  แทงเข็มขึ้น-ลง  3  ครั้ง  ทีละคู่
          
                               แทงเข็มลงข้างกระดุม  ใช้เส้นด้ายพันด้านล่างเม็ดกระดุม  3  ครั้ง                                                                                       
             เย็บซ่อนปม  3  ครั้ง  ตัดด้ายออก
                    
            การเย็บกระดุม 4 รู แบบคู่ขนาน
        
             การเย็บกระดุม 4 รู แบบไขว้
การนำไปใช้  กระดุม  4  รูมักใช้กับเสื้อผู้ชาย  เช่น  เสื้อเชิ้ต  เสื้อยืด